ขอจัดตั้ง สถาบันเทคโนโลยีดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อการศึกษา

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) จัดการประชุมคณะทำงานพิจารณาจัดทำร่างพระราชกฤษฎีกาสถาบันเทคโนโลยีดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อการศึกษา พ.ศ. … ครั้งที่ ๒/๒๕๖๔โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ ชัยเลิศ พิชิตพรชัย เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยรองเลขาธิการสภาการศึกษา (ดร.พีระศักดิ์ รัตนะ) และคณะทำงาน ร่วมหารือ
ในการประชุมร่วมกับคณะทำงานพิจารณาจัดทำร่างพระราชบัญญัติการบริหารข้อมูลสารสนเทศเพื่อการศึกษา พ.ศ. …ที่ผ่านมานั้นได้ร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนความรู้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย (มท.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดส.) และสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.) ประสานและหาแนวทางการทำงานร่วมกันที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินการจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อการศึกษารวมถึงได้พิจารณากฎหมายหลากหลายฉบับโดยมุ่งเน้นที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลบุคคลและอาชญากรรมไซเบอร์เป็นหลัก และที่ประชุมได้มีการเสนอให้ขยายฐานข้อมูลเพิ่มเติมจากเดิมระดับมัธยมศึกษาเป็นระดับบอุดมศึกษาเพื่อให้ครอบคลุมการศึกษาทุกระดับและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทย

ที่ประชุมหารือร่วมกันและพิจารณาแนวทางจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อการศึกษา ตามร่างแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ฉบับปรับปรุง (ศาสตราจารย์ศรีราชา วงศารยางกูร) โดย ศาสตราจารย์ ดร. กฤษมันต์ วัฒนาณรงค์ คณะทำงานร่างแผนปฏิรูป ฯ มีข้อเสนอให้ออกกฎหมายในรูปแบบพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.)

สถาบันเทคโนโลยีดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อการศึกษาเป็นองค์การมหาชนตามพระราชบัญญัติองค์กรมหาชน พ.ศ. ๒๕๕๒ มุ่งพัฒนาสื่อและนวัตกรรมการศึกษาในรูปแบบดิจิทัลที่มีคุณภาพ เหมาะกับการศึกษาทุกระดับ ศึกษาวิจัย วิเคราะห์ เพื่อวางระบบและกลไกในการพัฒนาระบบเทคโนโลยีแพลตฟอร์มเพื่อการศึกษา ประสานเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พัฒนารวบรวม จัดทำมาตรฐานตรวจสอบ ส่งเสริมประสิทธิภาพการศึกษา และประเมินผล เผยแพร่เพื่อปรับเปลี่ยนการจัดการศึกษาโดยใช้เทคโนโลยีในการศึกษาในภาวะปกติใหม่ (New Normal)ไปสู่การปฏิบัติจริงทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติตามมาตรฐานสากล

ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติให้จัดตั้งสถาบันเทคโนโลยี ฯ ขึ้นใหม่โดยไม่ควบรวมกับหน่วยงานอื่นใด เพื่อรับผิดชอบดูแลงานของสถานบัน ฯ โดยตรง แต่ก็ยังมีข้อกังวลถึงข้อจำกัดในหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องจำนวนและคุณภาพของบุคลากร อีกทั้งเรื่องเงินงบประมาณในการจัดตั้งองค์กร รวมถึงมีข้อกังวลถึงขอบเขตงานที่กว้างเกินไปอาจส่งผลให้การดำเนินงานไม่ชัดเจนจึงมีการเสนอให้มีแนวทางการบูรณาการทำงานกับหน่วยงานอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้นเพื่อไม่ให้งานทับซ้อนกับหน่วยงานด้านสถาบันเทคโนโลยีที่เคยมีอยู่ก่อนแล้ว และลดปัญหาการทำงานที่ไม่เกิดผลลัพธ์เท่าที่ควรในอดีตให้เกิดผลที่นำไปสู่การปฏิบัติได้จริง อีกทั้งต้องประสานกับภาคเอกชนมากขึ้นเพื่อนำหลักการทำงานมาประยุกต์กับการใช้เทคโนโลยีในการจัดการศึกษาให้เกิดประสิทธิภาพในให้เกิดสูงสุดต่อไป

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *